นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษก กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ว่าเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจับกุมคนพิการขายบุหรี่เถื่อนในเขตพื้นที่อุดรธานี นั้น กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการตรวจสอบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่อุดรธานีแล้วพบว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่อุดรธานีได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าบุหรี่ที่ซื้อจากบ้านเลขที่ 49/147 หมู่ 5 ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ในราคาซองละ 70 บาท และเมื่อสูบแล้วเกิดอาการระคายเคือง จึงคาดว่าเป็นบุหรี่ปลอม
ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 จึงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 นาย เข้าตรวจสอบ พบว่าบ้านเลขที่ดังกล่าว เป็นร้านขายของชำ จำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายประเภทบุหรี่ปลอมและแสตมป์ปลอมหลายยี่ห้อ จำนวนรวมทั้งสิ้น 232 ซอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามมาตรา 204 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ฐานที่ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน มีโทษปรับ ตั้งแต่ 5-15 เท่าของค่าภาษี และได้ดำเนินการส่งพนักงานสอบสวน สภ.อำเภอเมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 15.00 น. และได้รับการประกันตัวในวันเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว กรมสรรพสามิต จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โฆษกกรมสรรพสามิตกล่าวต่อว่า จากการปรับขึ้นอัตราภาษีบุหรี่ซิกาแรต เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ส่งผลให้ราคาขายปลีกบุหรี่ซิกาแรตปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีการนำบุหรี่ปลอมมาจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งบุหรี่ปลอมเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคมากกว่าบุหรี่ถูกกฎหมาย เนื่องจากการผลิตบุหรี่ปลอมไม่ได้มี การควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานอาจมีสารปนเปื้อนจากสารเคมีตกค้าง รวมถึงเชื้อราในบุหรี่ ดังนั้น เพื่อเป็น การคุ้มครองผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ได้มาตรฐาน กรมสรรพสามิตจึงดำเนินการอย่างเข้มงวด ในการปราบปรามบุหรี่ปลอมรวมทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ป้องกันปัญหาบุหรี่ปลอมโดยการสแกน QR CODE บนแสตมป์บุหรี่ซึ่งรายละเอียดของสินค้าและข้อมูลการชำระภาษีก็จะปรากฏขึ้นมาทันที หรือหากพบการกระทำผิดจากการจำหน่ายสินค้าบุหรี่ สามารถแจ้งผ่านสายด่วนกรมสรรพสามิต 1713 เพื่อป้องกัน การกระทำผิดและปราบปรามบุหรี่ปลอมหรือบุหรี่ผิดกฎหมายอีกช่องทางหนึ่งด้วย
แหล่งที่มา https://www.dailynews.co.th/news/464327/